ถึงแม้ม่านม้วนจะทำให้สถานที่ต่างๆ ดูดี มีสไตล์ และน่ามองแค่ไหน แต่การเลือกม่านม้วนให้เข้ากับแต่ละที่แต่ละห้องนั้นก็มีส่วนสำคัญมากเช่นกัน ม่านม้วน แบ่งออกเป็น 3 แบบด้วยกัน คือ
- ม่านม้วนแบบ Dimout
- ม่านม้วนแบบ Blackout
- ม่านม้วนแบบ Sunscreen
ม่านม้วนแต่ละแบบนั้นจะเหมาะกับการใช้งาน และสถานที่แบบไหนบ้าง มาดูกัน
ม่านม้วนแบบ Dimout (ดิมเอาท์) เป็นม่านม้วนแบบที่สามารถให้แสงภายนอกผ่านได้ถึง 40 – 80% เรียกได้ว่าหากคุณต้องการให้ห้องที่คุณจะติดตั้งม่านนั้นสว่างอย่างเช่น ห้องนั่งเล่น หรือห้องครัว หรือห้องอื่นๆที่ต้องการแสงสว่างมากนั้นก็สามารถเลือกติดม่านม้วนแบบ Dimout ได้ รับรองว่านอกจากจะทำให้ห้องไม่มึดทึบ ได้แสงสว่างจากแดดโดยไม่มีความร้อนเนื่องจากการกรองแสงอย่างดีของม่านแล้ว ยังทำให้ห้องนั้นโล่งโปร่ง ดูสวยโดดเด่นน่ามองอย่างแน่นอน
ม่านม้วนแบบ Blackout (แบล็คเอาท์) เป็นม่านม้วนที่เหมาะกับห้องนอนเป็นอย่างยิ่ง เพราะตัวม่านสามารถป้องกันแสงภายนอกไม่ให้เข้ามาภายในได้ถึง 90 – 100% สำหรับใครที่ต้องการนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มที่ก็สบายใจได้เลยว่าจะไม่มีแสงลอดเข้ามารบกวนคุณแน่นอน นอกจากนี้ยังสามารถใช้ได้กับห้องอื่นๆอีกเช่น ห้องแต่งตัว หรือห้องโฮมเทียเตอร์ ก็ได้ แถมยังช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟจากแอร์ได้ด้วยเพราะม่านม้วน Blackout จะช่วยป้องกันความร้อนได้อย่างดี
ม่านม้วนแบบ Sunscreen (ซันสกรีน) เป็นม่านพิเศษที่ถูกเคลือบผิวด้วย PVC ซึ่งมีคุณสมบัติสามารถช่วยกรองแสงและความร้อนได้ โดยแสงที่ผ่านเข้ามานั้นจะมีเพียงเล็กน้อยพอให้ได้บรรยากาศเท่านั้น ม่าน Sunscreen เหมาะกับการใช้งานอย่างออฟฟิศที่ ทำงาน คอนโด หรือรีสอร์ท เพราะจะทำให้มองเห็นวิวภายนอกได้ แต่คนภายนอกไม่สามารถมองเห็นภายในได้ ยกเว้นเวลากลางคืน ยิ่งเป็นที่ทำงานยิ่งทำให้ช่วยผ่อนคลายจากความตึงเครียดได้อย่างดี
.
การเลือกรูปแบบของม่านม้วนให้เหมาะสมกับสถานที่ และการใช้งานจะช่วยทำให้บรรยากาศของห้องนั้นๆดีขึ้นนอกจากมีรูปแบบให้เลือกอย่างหลากหลายแล้ว ม่านม้วนยังมีสีสันให้เลือกอีกมาก เสน่ห์ของม่านม้วนอีกอย่างคือผลิตจากเส้นใย Polyester 100% ทำให้ม่านเรียบเนียน สวยงาม ยืดหยุ่น ทนความร้อน ดูดซับความชื้นได้ และไม่เป็นแหล่งให้ฝุ่นจับจึงทำความสะอาดได้ง่ายเพียงแค่เช็ดด้วยผ้าหมาดๆเท่านั้น และมีอายุการใช้งานนานถึง 10 ปี รับรองว่าคุ้มแน่นอน.